นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายทั่วไปในการบำรุงรักษาของรถมอเตอร์ไซค์แล้ว มีค่าใช้จ่ายอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญและจำเป็น นั่นก็คือ พ.ร.บ. และภาษีรถมอเตอร์ไซค์ โดย พ.ร.บ. นั้นจะคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ คล้ายกับการทำประกันขั้นต้นที่ผู้ใช้รถทุกคนจำเป็นต้องทำ เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ ในขณะที่ภาษีนั้น เหมือนกับภาษีเงินได้ที่คุณจำเป็นต้องเสียอยู่ในทุกๆปี ซึ่งหากคุณไม่ชำระค่าใช้จ่ายทั้งสองส่วนนี้ คุณจะถูกดำเนินคดี ระงับทะเบียน และต้องเสียค่าปรับ
โดยในวันนี้เราจะมาพูดถึงในส่วนของภาษีรถมอเตอร์ไซค์กันครับ
ตามกฎหมายแล้ว ผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์มีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการเสียภาษีทุกๆปี ตามระเบียบของกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยเรื่องการดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายรถยนต์ พ.ศ. 2562 ซึ่งในหมวด 3 ข้อที่ 17 ระบุไว้ว่า "รถทุกคันที่จดทะเบียนแล้ว ต้องเสียภาษีรถประจำปี เว้นแต่รถที่ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีประจำปี" โดยรถที่จะนำมาใช้ได้นั้นจะต้องมีสภาพมั่นคง แข็งแรง มีลักษณะ ขนาด และเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบรถ ถูกต้องตามที่ถูกกำหนดไว้ในกฎกระทรวง
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการกำหนดให้ตรวจสภาพรถมอเตอร์ไซค์ตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร ผู้ร่วมใช้ถนน รวมไปถึงสภาพแวดล้อมอีกด้วย เพราะรถที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นอาจก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศ และมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้
สำหรับรถมอเตอร์ไซค์นั้นจะถูกกำหนดให้ต้องทำการตรวจสภาพ เมื่อมีอายุการใช้งานครบ 5 ปีขึ้นไป นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียน โดยสามารถทำการตรวจสภาพได้ที่หน่วยงานของกรมการขนส่งทางบก หรือสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ที่ได้รับการอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก
หากตรวจสภาพผ่านเรียบร้อย คุณสามารถนำใบรับรองไปยื่นได้เลย แต่หากตรวจสภาพไม่ผ่าน ทางสถานที่ตรวจจะแจ้งข้อบกพร่องให้ทราบเพื่อนำไปแก้ไข โดยหากสามารถแก้ไขได้ภายใน 15 วันและนำไปตรวจที่สถานตรวจเดิม จะเสียค่าตรวจในอัตราครึ่งหนึ่งของค่าบริการ แต่หากเกินกว่า 15 วันหรือเปลี่ยนสถานที่ตรวจ จะต้องเสียเต็มจำนวนเช่นเดิม
โดยรถมอเตอร์ไซค์ที่ไม่สามารถตรวจกับสถานตรวจสภาพรถเอกชนได้ และจะต้องตรวจกับสำนักงานขนส่งในพื้นที่นั้นๆเท่านั้น ได้แก่รถที่อยู่ในหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
1. รถที่ผ่านการดัดแปลงสภาพไม่เหมือนกับที่จดทะเบียนไว้ เช่น เปลี่ยนเครื่องยนต์, เปลี่ยนลักษณะรถ, เปลี่ยนชนิดน้ำมันเชื้อเพลิง
2. รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลขตัวรถหรือเลขเครื่องยนต์ เช่น ไม่ปรากฏตัวเลข, ตัวเลขชำรุด หรือมีร่องรอยการแก้ไข ขูด ลบ หรือลบเลือน จนไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้
3. รถที่เจ้าของได้แจ้งการไม่ใช้ชั่วคราว หรือแจ้งการไม่ใช้รถตลอดไว้กับทางกรมขนส่ง
4. รถเก่าที่มีเลขทะเบียนเป็นเลขทะเบียนรุ่นเก่า เช่น กท-00001, กทจ-0001 ซึ่งรถดังกล่าวต้องเปลี่ยนทะเบียนเป็นรุ่นใหม่
5. รถที่เคยสูญหาย หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการถูกโจรกรรมแล้วได้คืน
6. รถที่ขาดต่อทะเบียนเกิน 1 ปี
การต่อภาษีรถมอเตอร์ไซค์นั้นจะต้องใช้เอกสารดังนี้
- เล่มทะเบียน หรือสำเนาเล่มทะเบียน
- ใบ พ.ร.บ.
- ใบตรวจสภาพรถ สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี
สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 5 ปี และไม่จำเป็นต้องตรวจสภาพรถนั้น คุณสามารถต่อภาษีได้ในช่องทางอื่นๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานขนส่งทั่วประเทศ, ที่ทำการไปรษณีย์, ร้านค้าที่มีสัญลักษณ์เคาน์เตอร์เซอร์วิสทั่วประเทศ, หรือผ่านทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/
แต่สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ที่มีอายุเกิน 5 ปี ต้องทำดำเนินการต่อภาษีที่กรมการขนส่งทางบกหรือทางออนไลน์เท่านั้น ซึ่งคุณสามารถดำเนินการด้วยตัวเอง หรือให้ทาง ตรอ. เอกชนที่ทำการตรวจสภาพรถของคุณทำเรื่อง ให้ก็ได้ สามารถชำระภาษีล่วงหน้าได้ก่อนหมดอายุ 90 วัน โดยค่าใช้จ่ายในการต่อภาษีนั้นจะอยู่ที่คันละ 100 บาทสำหรับรถมอเตอร์ไซค์
โดยหากคุณทำการชำระผ่านทางออนไลน์ คุณจะได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีและใบเสร็จรับเงินทางไปรษณีย์ ภายใน 5 วันทำการหลังจากที่ชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่รอเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีตัวจริงนั้น คุณสามารถใช้หลักฐานการชำระภาษีชั่วคราวที่มีให้ทางออนไลน์ได้ก่อน
อย่างไรก็ตาม อย่าละเลยการนำรถมอเตอร์ไซค์ของคุณไปต่อภาษีและพ.ร.บ. ให้เรียบร้อยตามกำหนด และปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียค่าปรับ หรือถูกดำเนินคดีโดยไม่จำเป็น เพราะหากไม่ต่อภาษีหรือต่อช้ากว่ากำหนดนั้น คุณจะต้องเสียค่าปรับ 1% ต่อเดือน เสียค่าใช้จ่ายในเรื่องอื่นๆ เช่น ค่าตรวจสภาพ และค่าป้ายใหม่ อีกทั้งยังเสียเวลาในการต้องไปดำเนินการอีกด้วย โดยหากขาดการต่อภาษีเกิน 3 ปีนั้น คุณจะถูกระงับทะเบียน